[Fanfic : FBWFT]Mister oatmeal cookie. (credence/graves)

Title: Mister oatmeal cookie.

Pairing: credence barebone/percival graves

Note:  ค่อยๆแจวกันเนาะ


 

ในวันที่ฝนตกหนักเมื่อสองปีที่แล้ว เด็กที่ไปส่งของที่บ้าน มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต กลับมาด้วยสภาพเปียกปอน ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว พวกเพื่อนๆจึงได้ไปตามเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว สภาพที่พบคือเขานอนหอบอยู่บนเตียงอย่างหนัก ตัวสั่น ไข้ขึ้นสูง ข้างๆมีถุงคุกกี้ข้าวโอ๊ตถุงนึงที่ถูกแกะแล้ว หลังจากที่เด็กคนนี้ถูกพาตัวออกจากบ้านไป ก็ไม่เคยมีใครเห็นเขาอีกเลย

พวกเด็กโตเชื่อว่าเด็กคนนี้เกิดหิวขึ้นมาระหว่างทางที่กำลังจะไปส่งของที่บ้าน มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เขาได้แอบขโมยกินคุกกี้! แม้จะกินไปเพียงชิ้นเดียว อย่างไรเสีย มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต ก็เกิดรู้ตัวขึ้นมา จึงคืนคุกกี้มาทั้งถุง เขากลับมาในห้องกินคุกกี้ข้าวโอ๊ต ลงท้อง อย่างมูมมาม จนเกิดอาการดังกล่าว ดังนั้น พวกเด็กโตจึงสร้างกฎต้องห้ามของการไปส่งของที่บ้าน มิสเตอร์คุกกี้โอ๊ต ขึ้นมา

 

………………

 

“เครเดนซ์ ส่งที่บ้าน มิสเตอร์ เกรฟส์ 2 ถุง สุภาพหน่อยล่ะ”
เด็กหนุ่มแอบลอบเบ้ปากโดยไม่ให้ผู้เป็นแม่เห็น พระเจ้า นี่เอาจริงใช่ไหม มองดูข้างนอกนั่นสิ พายุหิมะกำลังเข้า และเขาต้องออกไปส่งคุกกี้ 2 ถุง ถ้าเขาได้รับการร้องเรียนเรื่องส่งของช้าและไม่กลับมาที่บ้านเด็กกำพร้าก็บอกได้เลยว่าเขาคงเป็นไอติมแช่แข็งอยู่ที่ใดที่หนึ่งระหว่างทางส่งของไปแล้ว

 

เมื่อสองเดือนก่อนเขามีโอกาสได้ส่งของให้กับมิสเตอร์ เกรฟส์ เป็นครั้งแรก และวันต่อมาก็มีจดหมายร้องเรียนส่งมาที่บ้านเด็กกำพร้าเพื่อบอกผู้ดูแลว่าเขาชักสีหน้าไม่พอใจใส่เมื่อ มิสเตอร์ เกรฟส์ กล่าวว่าตนได้รับคุกกี้ช็อคชิพ ทั้งๆที่ควรจะเป็นคุกกี้ข้าวโอ๊ต

และนั่นทำให้เขาต้องสบถทุกครั้งที่พบคุกกี้ข้าวโอ๊ตในจานของว่างของเขา ว่า

เขาโคตรเกลียดคุกกี้ข้าวโอ๊ตเลยโว้ย…

 

เครเดนซ์กระชับถุงคุกกี้ในมือโดยไม่ลืมผ่อนแรงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสินค้า ขายาวๆย่ำไปตามกองหิมะหนาๆ ขอบอกเลยนะ คนสติดีที่ไหนที่จะให้เด็กกำพร้าน่าสงสารออกมาเดินส่งของในวันพายุหิมะเข้าแบบนี้บ้าง เขาสอดสายตาไปตามร้านข้างทางที่ตาลีตาลานพากันปิดร้านหนีพายุไปเป็นแถบ รวมถึงร้านขายขนมปังร้านโปรดของเหล่าเด็กกำพร้าด้วย ดูท่าเขาต้องรีบกลับมาให้ทันเวลาก่อนที่ขนมปังเหลือทิ้งในถังขยะหลังร้านจะถูกหิมะแช่แข็งเป็นก้อนหินไปเสียก่อน คิดได้ดังนั้น เด็กหนุ่มตัดสินใจกัดฟันทนความหนาวเย็นของสภาพอากาศแล้วเร่งฝีเท้าขึ้น

 

ที่บ้านเด็กกำพร้านี้มีการกดขี่ ทารุณกรรมเด็กบ่อยครั้ง เครเดนซ์ขอเอาทรงผมบนหัวเป็นประกันได้เลย เขาอยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามานาน หาเลี้ยงชีพโดยการขายคุกกี้และแจกใบปลิวไปตามบ้าน บางครั้งก็มีการสั่งเข้ามาจากขาประจำที่ส่วนใหญ่จะเป็นคุณยายแก่ใจดี หรือไม่ก็พวกชอบทำการกุศล

มิสเตอร์ เกรฟส์ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาเป็นตำนานสยองของบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว สมัยที่ เครเดนซ์ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ว่ากันว่าก่อนเข้านอนใครมันงุบงิบขโมยคุกกี้ไปกินตอนดึกๆ เช้าต่อมาจะมีชื่อ มิสเตอร์ เกรฟส์ ปรากฏอยู่บนใบส่งของของตัวเอง

เครเดนซ์ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มอาถรรพ์บ้าๆนี้เป็นคนแรก แต่ที่แน่ๆการที่คนคนนั้นบังเอิญไปขายคุกกี้ที่บ้าน มิสเตอร์ เกรฟส์ จนเขาเกิดติดใจขึ้นมา ก็ทำให้บ้านเด็กกำพร้ามีสีสันขึ้นมาจากการที่ รับใบรายชื่อที่ต้องส่งของในแต่ละวัน ทุกคนทำเหมือนกันคือการไล่นิ้วหารายชื่อของ มิสเตอร์ เกรฟส์ เป็นอันดับแรก และ เครเดนซ์ก็แน่ใจว่าได้ยินเสียงโห่ร้องเบาๆว่า ‘ขอบคุณพระเจ้า’ มากกว่าสิบครั้ง

มิสเตอร์ เกรฟส์ ไม่กินคุกกี้รสอื่นนอกจากคุกกี้ข้าวโอ๊ต พวกเด็กโตมักจะแอบเรียกมิสเตอร์ เกรฟส์ อย่างลับๆว่า มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เพื่อปลอบขวัญกันเอง ซึ่งเครเดนซ์ ขอยืนยันได้ว่านั่นไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

 

ไม่อยากเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เครเดนซ์ มองไม่เห็นอะไรแล้วนอกจากสีขาวของหิมะ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงจำทางที่จะไปบ้าน มิสเตอร์ เกรฟส์ ได้อย่างแม่นยำ นึกไม่ออกเลยว่า การที่เขายอมโดนแม่ตีแล้วกลับไปซุกที่นอนเย็นๆ กับการออกมาเดินฝ่าพายุหิมะเสี่ยงตาย อะไรจะดีกว่ากัน

เครเดนซ์หรี่ตามองประตูบ้านสีดำข้างหน้า อีกนิดเดียว… จะว่าไปเคยมีเรื่องเล่าว่า ช่วงฤดูฝน หลังจากที่เด็กคนหนึ่งส่งของให้มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เสร็จก็วิ่งกลับมาที่บ้านร้องไห้ฟูมฟาย แล้วคืนนั้นก็ไข้ขึ้น ลือกันว่าเพราะเด็กคนนั้นไปสบตากับมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เข้า

เครเดนซ์ไม่เคยส่งของให้มิสเตอร์ เกรฟ ในช่วงฤดูฝน อันที่จริงเขาเคยส่งของให้เพียงครั้งเดียว และเป็นครั้งเดียวที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่

 

เขา-ไม่-ผิด

เจ้าเด็กใหม่ที่เพิ่งมาอยู่เป็นคนจัดของลงถุงตามรายการต่างหากที่เป็นคนผิด แถมมิสเตอร์ เกรฟส์ ยังยัดคุกกี้คืนมาใส่มือเขาจนของพังเสียหายอีกเขาคงจะปั้นหน้ายิ้มได้อยู่หรอก

เงินก็ไม่ได้ ลูกค้าก็ไม่พอใจ แถมของที่คืนมายังยับเยินขายต่อไม่ได้อีก บอกได้เลยว่าครั้งนี้เขาหมดข้อแก้ตัวใดๆ เครเดนซ์กลับไปขังตัวเองในห้องนอน ฟุบหน้าลงกับที่นอนเก่าๆ กลิ่นอับชื้นที่คุ้นชินไม่ทำให้เขานึกรังเกียจ มือที่มีรอยริ้วของแผลสดเอื้อมไปหยิบคุกกี้ออกจากซองเข้าปาก

รสช็อคชิพอร่อยจะตาย

 

เครเดนซ์เอื้อมมือขาวซีดของตัวเองไปเคาะกับบานประตูสีดำสามครั้ง เขายืดหลังตรงสูดอากาศเย็นๆเข้าปอด สองมือพยายามสวมถุงมือขาดๆของตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรประมาท บางทีเขาอาจเผลอสัมผัสตัวกับมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมีหวังเขาโดนอาถรรพ์เข้าแน่ๆ  เขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ใจเขาเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากภายในบ้าน เขาลืมตาขึ้นเพื่อเตรียมพบกับมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต ที่เด็กกำพร้าล่ำลือ แต่เขากลับเห็นเพียงสีขาวเท่านั้น เขาพยายามกะพริบตาหลายครั้ง จนกระทั่งเขารู้สึกเหมือนตัวเองกระแทกกับอะไรบางอย่างแล้วทุกอย่างก็มืดลงไป

 

เครเดนซ์ เพิ่งถูกเลื่อนมาเป็นเด็กโตเมื่อไม่นานมานี้ ในคืนหนึ่งเขาเล่นทอยเต๋ากับเพื่อนเด็กโต เพื่อพนันเอาก้อนขนมปัง เขาชนะ แต่กลับได้มาแค่กระดาษเก่าๆแผ่นเดียว เขาไม่มีสิทธิต่อรองเนื่องจากตำแหน่งเด็กโตหน้าใหม่มันค้ำคอ ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า

1.ห้ามสัมผัส

2.ห้ามสบตา

3.ห้ามกินของที่ถูกส่งคืน

รูมเมทของเขาบอกว่านี่เป็นกฎของเด็กโตรุ่นเก่าถูกเขียนก๊อบปี้ขึ้นมาเรื่อยๆเพราะหากผู้ดูแลพบเข้าจะนำไปเผาทิ้งและผู้ที่เขียนจะถูกลงโทษ

“ทำไมพวกนั้นถึงเอามาให้ฉันล่ะ” เครเดนซ์ว่า

“เพราะพวกเด็กโตจำได้ขึ้นใจกันหมดแล้วน่ะสิ เจ้าโง่”

“แล้วทำไมพวกผู้ดูแลถึงต้องเอาไปเผาทิ้งด้วยล่ะ” เครเดนซ์ถามอีกครั้ง รูมเมทของเขาเอียงตัวมาข้างหน้าสอดสายตาไปรอบห้องราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแอบฟังพวกเขา

“เพราะมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต ให้ราคาคุกกี้ได้สูงมากพอที่พวกผู้ดูแลจะอยู่อย่างสบายๆไปทั้งปี เพียงแค่ส่งคุกกี้ให้เขาครั้งละสองถุง”

เครเดนซ์ ก้มลงมองกระดาษเก่าๆในมือ เขาพอจะรู้ตำนานมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต อยู่หรอก แต่เขาก็ยังแน่ใจว่าอยากได้ขนมปังมากกว่าเศษกระดาษอยู่ดี

 

เครเดนซ์ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เสียงดัง เป๊าะแป๊ะ ของเปลวไฟจากเตาผิง ช่วยปลอบประโลมให้เขารู้สึกปลอดภัย เครเดนซ์กระพริบตาสองสามครั้งเขาเดาว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องรับแขก คิดว่านะ เครเดนซ์ยันตัวลุกขึ้นบนโซฟาช้าๆ เสื้อโค้ท ตัวนอกกับรองเท้าเขาถูกถอดออกไป ผ้าห่มผืนหนาสีแดงเลือดหมูอยู่บนตัวเขาหล่นไปตามแรงโน้มถ่วง บนโต๊ะใกล้ๆมีนมอุ่นกับถุงคุกกี้รสข้าวโอ๊ตที่ถูกแกะแล้ว  หรือว่า…

“ตื่นแล้วหรอ”

ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเตาผิงหันมามาเขา เครเดนซ์มองไม่เห็นใบหน้าของเจ้าของร่างนั้น และเขาแน่ใจว่าไม่อยากเห็นแน่ๆ

โอ้พระเจ้า! นี่เขาอยู่ในบ้านของมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต!

‘บ้าเอ้ย ยัดความกลัวลงกระเป๋ากางเกงๆเน่าๆของนายซะเครเดนซ์ นายจะต้องไม่เป็นไร’ เครเดนซ์ปลอบขวัญตัวเองในใจดังๆ แต่คงดังไม่พอที่จะกลบเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา

“เธอโอเคขึ้นหรือยัง?” เครเดนซ์สัมผัสได้ถึงความร้อนบนหน้าผากจากสัมผัสของอีกฝ่าย

‘พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า เขาแตะตัวผม!!’

“หลับตาทำไม? ลืมตาขึ้น” เสียงทุ้มราวกับกำลังออกคำสั่งนั้นทำให้เครเดนซ์ตกใจเผลอลืมตาขึ้นมาสบกับดวงตาสีเข้มของอีกคน

‘พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า ผมสบตากับเขาแล้ว!!……. ตาเขาสวยจัง..’

“ตัวไม่ร้อนนี่ ดูท่าจะดีขึ้นแล้ว เธอหลับไปนานเลย นี่ก็เย็นมากแล้ว รีบกินคุกกี้นั่นแล้วรีบกลับบ้านเถอะ” ชายหนุ่มละตัวออกไปเตรียมเสื้อโค้ทของเครเดนซ์ที่ถูกทำให้แห้งแล้ว

“ผมเอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า”

แค่นี้ก็ผิดกฎจนจะครบแล้ว เชื่อเลยว่าเขาต้องโดนอาถรรพ์นั่นแน่ๆ เครเดนซ์เลิกผ้าห่มสีแดงขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องจากท้องของเขาดังโครกครากลั่นห้อง

“ถ้าไม่เกรงใจกลัวเธอจะสำลักตาย ฉันคงยัดอาหารลงกระเพาะเธอตั้งแต่ตอนหลับแล้ว เสียงดังชะมัดเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเดินนำเสื้อโค้ดและรองเท้ามาวางให้เขาที่โซฟา

เครเดนซ์ก้มหน้าด้วยความกระดากอาย หยิบคุกกี้รสข้าวโอ๊ตเข้าปากพร้อมดื่มนมอุ่นๆตาม ไม่ปฏิเสธหรอกว่ามันอร่อยมาก

“คุณเกรฟส์ ชอบคุกกี้รสข้าวโอ๊ตหรอครับ” เครเดนซ์อยากตีปากตัวเอง อะไรคือการที่เรียกคนตรงหน้าว่าคุณเกรฟส์โดยไม่ได้ขออนุญาต ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ห่างจากเขาไม่ไกลนัก ท่าทีสบายๆของชายหนุ่มทำให้เครเดนซ์ รู้สึกปลอดภัยนิดหน่อย อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ได้รับอาถรรพ์ตอนนี้หรอก….มั้งนะ

“แล้วเธอไม่ชอบหรอ”

หลังจากที่ผมได้รับจดหมายร้องเรียนจากคุณผมก็เกลียดรสข้าวโอ๊ตมาตั้งแต่ตอนนั้นแหละครับ …แน่นอนว่าเครเดนซ์ไม่ได้พูดออกไป

“ก็…ไม่เชิงว่าแบบนั้นหรอกครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆให้กับความคิดของตัวเอง

“เอ่อ…ทำไมคุณเกรฟส์ ถึงสั่งคุกกี้ในวันพายุเข้าแบบนี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง สีหน้าครุ่นคิด

“ฉันเองก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงยอมมาส่งในวันพายุเข้าแบบนี้”

เพราะคุณเป็น มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต ไงล่ะ

เครเดนซ์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาถูมือกับแก้ว นมอุ่นๆ และเมื่อชายหนุ่มลุกเดินไปหายออกไปจากห้องรับแขก เครเดนซ์ก็ถอดถุงมืออับชื้นออก รู้สึกคันที่แผลจนต้องถูไปกับผ้าห่มเบาๆเพื่อลดอาการคันและไม่ให้เพิ่มอาการบาดเจ็บ เขากระดกนมอึกสุดท้ายลงคอและเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้านเสียที ก่อนที่เขาเป็นหนึ่งในตำนานที่พวกเด็กกำพร้าล่ำลือกัน

 

“ยื่นมือมา”

“ครับ?” เครเดนซ์ทำหน้างง เมื่อมิสเตอร์ เกรฟส์ เดินมาหยุดที่หน้าของเขา แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่อยากพูดซ้ำหรืออะไรก็ตามแต่ชายหนุ่มจับข้อมือของเครเดนซ์ ขึ้นมาแล้วทำหน้าตกใจเมื่อพบว่าบนมือซีดนั้นมีบาทแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่

“อะไรเนี่ย…” เด็กหนุ่มสะดุ้งรีบดึงมือกลับมาไขว้หลังไว้ ก้มหน้าลงต่ำมองพื้น เขาควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี ไม่เห็นหรอไงว่าเขาเป็นเด็กน่าสงสาร อย่าสาปให้เขาโดนอาถรรพ์แปลกๆเลยนะ

“นั่งลง” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาจากลิ้นชักมุมห้อง และยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ทำตามคำสั่งของเขาเลยสักนิด

“ผม…ผมไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็หายแล้ว” ชายหนุ่มดันให้เครเดนซ์นั่งลงบนโซฟา โดยที่ให้ตนนั่งลงข้างๆ เครเดนซ์อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่เขาไม่รู้ว่าเพราะที่เขาโดนมิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ตสัมผัสเป็นครั้งที่สอง หรือ เพราะยาฆ่าเชื้อที่ดีเกินไป จะอย่างไหนมันก็ทำให้เขาครางต่ำออกมาด้วยความเจ็บอยู่ดี

“หึ อวดเก่ง” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำกับริมฝีปากที่กระตุกยิ้มเล็กน้อยนั้นทำให้ เครเดนซ์เผลอตัวจ้องมองจนกระทั่งดวงตาสีเข้มคู่นั้นตวัดขึ้นมาสบตากับเขา เครเดนซ์ ไม่รู้ว่ากฎที่ห้ามสบตานั้นจริงๆแล้วมีสาเหตุเพราะอะไร แต่ที่รู้แน่ๆคือเขาชักอิจฉาคนที่เขียนกฎนี้ขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

“เครเดนซ์ แบร์โบน ครับ” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยกับคำแนะนำตัวที่ผิดเวลาของเด็กหนุ่มแต่กระนั้นเขาก็ทำเพียงแค่คลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ

“เพอร์ซิวาล เกรฟส์”

“ขอบคุณนะครับ”

“ยินดี”

 

 

 

 

 

เครเดนซ์กลับมาถึงบ้านหลังอาหารมื้อเย็น โชคดีที่โมเดสตี้แอบเก็บขนมปังแข็งๆไว้ให้เขาได้หนึ่งก้อน เขากลายเป็นที่ฮือฮาของเด็กกำพร้าในบ้าน เพราะทุกคนคิดว่าเขาจะต้องหายสาบสูญแน่ๆ เครเดนซ์กลับมาที่ห้องนอนล้วงไปหยิบเศษกระดาษที่อยู่ใต้หมอน ก่อนที่จะนำไปเผาทิ้ง เขาเหยียดกายลงบนเตียงนอนถอดถุงมือสีน้ำเงินเข้มที่เพิ่งได้รับมาออกซุกเก็บรักษาไว้ใต้หมอนราวกับสมบัติล้ำค่า  เขามองมือตัวเองที่ถูกพันแผลไว้อย่างดี ก่อนประทับจูบลงไปแผ่วเบา

 

ในเดือนต่อมาเครเดนซ์ ก็ได้รับใบสั่งของจากคนที่เขารอคอย แน่ล่ะเขายังได้ยินเสียงโห่ร้องเบาๆว่า ขอบคุณพระเจ้า’ มากกว่าสิบครั้งอยู่ และทุกๆครั้งที่มีการสั่งของจาก มิสเตอร์ คุกกี้โอ๊ต เครเดนซ์ก็จะเป็นผู้ได้รับรายชื่อนั้นไป เขาไม่เคยบอกใครว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง บอกเพียงแค่ ’เขาทำผิดกฎ3ข้อ’ นั่นทำให้ทุกคนกล่าวขานกันเป็นตำนานใหม่ว่าเขาเป็นผู้ได้รับอาถรรพ์มากที่สุด เครเดนซ์ไม่ได้สนใจว่าใครจะพูดอะไร เมื่อเขาค้นพบว่าจริงๆแล้ว

คุกกี้รสข้าวโอ๊ตก็รสชาติไม่เลวนัก

 

Fin